ภาวะฟิลเลอร์ล้นหน้า (Facial Overfilled Syndrome: FOS)

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีความงามในปัจจุบันสามารถช่วยลดอายุบนใบหน้าและแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลลัพธ์จนแทบจะในทันที โดยเฉพาะการฉีดสารเติมเต็มภายใต้ชั้นผิวหนังที่บ้านเราเรียกกันว่า “ฟิลเลอร์”

การบำรุงตัวเองให้สวยงาม หรือความต้องการดูดีและอ่อนเยาว์อยู่เสมอไม่ใช่สิ่งผิด แต่อะไรที่มากเกินไปก็อาจเกิดผลเสียได้เช่นเดียวกัน หากเป็นเรื่องของฟิลเลอร์ ภาวะเช่นนี้เรียกว่า Facial Overfilled Syndrome หรือภาวะฟิลเลอร์ล้น! 

Facial Overfilled Syndrome คืออะไร?

ภาวะฟิลเลอร์ล้น หรือ Facial Overfilled Syndrome เกิดในคนที่เติมฟิลเลอร์มากเกินไป จนใบหน้าและสัดส่วนของอวัยวะต่าง ๆ บนใบหน้าขาดความเป็นธรรมชาติ สังเกตได้ว่าหลังการเติมฟิลเลอร์ที่มากจนเกินพอดี จนได้ใบหน้าที่มีลักษณะคล้าย ๆ กันทุกคน ฝรั่งมักจะนำไปเปรียบเทียบกับตัว chipmunk คือมีลักษณะที่ผิดรูปไป ดังนี้

1. Flowerhorn forehead หน้าผากโหนกนูนมากจนดูผิดธรรมชาติ คล้ายกับหัวปลาหมอสี บางรายอาจโชคร้ายถึงขั้นฉีดแล้วได้หน้าผากออกมาเห็นเป็นก้อน ๆ เป็นคลื่นไม่เรียบ หรือกดแล้วบุ๋มลงไปได้ อาการเช่นนี้มักเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากผิดชั้น เสี่ยงต่อการที่ฟิลเลอร์จะไหลไปยังบริเวณอื่นได้ง่าย

2. Chipmunk cheeks เกิดจากการเติมฟิลเลอร์บริเวณใต้ตามากเกินไป เพื่อจะปกปิดร่องลึกและริ้วรอยต่าง ๆ ทำให้เมื่อเวลายิ้มแล้วเนื้อแก้มจะยกขึ้นมาบังตา จนทำให้ตาดูตี่เล็กลง (เรียกว่า Sunset eyes)

3.  Flying-saucer face หรือ Pillow face คือ ลักษณะของการเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มที่มากเกินไปจนแน่น หากฉีดลงไปในชั้นผิวที่ไม่ลึกพอ ตัวฟิลเลอร์จะถูกดึงขึ้นไปกองเป็นเนื้อเหนือร่องแก้มทำให้เห็นเป็นก้อน และจะยิ่งทำให้ร่องแก้มดูลึกขึ้นกว่าเดิมได้ เป็นสาเหตุของใบหน้าที่ดูแก่กว่าวัย

4. Broad nose คือ ลักษณะที่ปีกจมูกถ่างกว้างออก เพราะใบหน้าถูกเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์จนแน่น โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม ทำให้ลักษณะหรือรูปร่างโดยรวมของจมูกเปลี่ยนไป

5. Sausage lips คือ ลักษณะของริมฝีปากที่อูม-เต็ม-แน่น อวบอิ่มเกินพอดี ปากใหญ่ ปากเจ่อ คล้ายปากเป็ด ไม่สวยงาม แลดูผิดธรรมชาติโดยเฉพาะเวลาขยับปากหรือเวลาพูด

6. Witch chin หรือที่เรียกกันว่า “คางแหลมเหมือนแม่มด” เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์คางในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อดึงเอาฟิลเลอร์คางมารวมกันเป็นก้อน ทำให้เมื่อเวลาพูดหรือยิ้ม จะเห็นคางย้อย คางยาว คางแหลมคล้ายกับคางของแม่มด

ฟิลเลอร์ล้น แก้ไขได้!! .... แต่ไม่เหมือนเดิม

โดยปกติ การแก้ไขภาวะฟิลเลอร์ล้นหรือฟิลเลอร์ที่ฉีดแล้วเป็นก้อนจะมีอยู่ 3 วิธีที่เป็นที่นิยมใช้ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุด

1.การฉีดสลายฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับการแก้ไขฟิลเลอร์ ตัวยาที่ใช้ฉีดสลายคือ ไฮยาลูโรนิเดส โดยแพทย์ผู้ทำการแก้ไขจะผสมส่วนผสมของยาในปริมาณที่เจือจางและเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ สามารถเห็นผลได้ค่อนข้างเร็วในบางส่วน และจะเห็นผลต่อเนื่องไปได้อีก โดยระยะเวลาออกฤทธิ์ของยาสลายฟิลเลอร์จะอยู่ที่ประมาณ 1 – 3 วัน หากต้องการฉีดแก้ไขฟิลเลอร์ซ้ำอีก ควรจะทิ้งระยะห่างหลังฉีดสลายประมาณ 5 – 7 วัน

2.การขูดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ไขฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรที่ไม่สามารถสลายตัวได้เอง แต่จะไม่สามารถขูดออกได้ทั้งหมด

3.การทำศัลยกรรมผ่าตัดเอาฟิลเลอร์ออก วิธีนี้เหมาะกับฟิลเลอร์ที่จับกันเป็นก้อนขนาดใหญ่และมีความแข็งมาก หรือเป็นฟิลเลอร์ที่อยู่ในร่างกายนานจนมีพังผืดมาเกาะเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะใช้วิธีการผ่าตัดเอาออก แต่ก็ไม่สามารถเอาก้อนฟิลเลอร์ออกได้ทั้งหมด 100% ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีดด้วย เพราะในบางกรณีแพทย์ผู้ทำการรักษาจะต้องหลีกเลี่ยงการผ่าตัดในบริเวณที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย เช่น บริเวณที่มีเส้นประสาท หรือบริเวณที่มีเส้นเลือดสำคัญอยู่บนใบหน้า 

ไม่ว่าใครก็ย่อมต้องการใบหน้าที่สวยหล่อสมบูรณ์แบบ และการฉีดฟิลเลอร์ก็ถือเป็นตัวเลือกสำหรับการส่งเสริมใบหน้า หรือใช้ในการแก้ไขจุดบกพร่องที่ดีและเห็นผลเร็ว ทั้งนี้... เราไม่ควรที่จะยึดติดจนเกินไป ว่าจะไปฉีดฟิลเลอร์ทั้งที ก็ขอเติมเยอะ ๆ ไว้ก่อน เอาให้คุ้มค่าเสียเวลา หรือคิดว่าทุกส่วนบนใบหน้าของเราจะต้องเป๊ะต้องปังไปเสียทุกจุดจนขาดความเป็นธรรมชาติ เพราะนั่นอาจทำให้คุณพบกับความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนจากอาการฟิลเลอร์ล้นได้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเสียเงินและเวลา แต่คุณอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณคาดหวังก็ได้ค่ะ  

ที่ GM Clinic เรามีทีมแพทย์ที่คอยให้คำแนะนำดูแลเกี่ยวกับโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ โดยเน้นไปที่ความเหมาะสมและความคุ้มค่ามากกว่าการเชียร์ให้ฉีดเยอะ ๆ จนล้น คุณหมอของเราต้องการให้คุณสวยอย่างเป็นธรรมชาติในแบบที่เป็นคุณนะคะ