

"ยัดเยียดโปรโมชั่นด้วยคำหวาน แล้วมัดมือชก" กลโกง คลินิกเสริมความงาม

"สวัสดีค่ะ!!! ...... ขอรบกวนเวลาสักแป๊บนึงนะคะ"
เสียงหวาน ๆ กับรอยยิ้มสวย ๆ ของพนักงานสาวหน้าตาสวยสดของคลีนิคเสริมความงาม ที่เมื่อคุณหยุดฟังแล้วเหมือนโดนสะกดจิต โดนลากเข้าสู่ภวังค์ ยืนงงอยู่สักครู่ ก็มีเหล่าสาว ๆ พนักงานอีก 3-4 คนกรูเข้ามาจูงแขนพาไปที่โต๊ะ พร้อมเสนอโปรโมชั่นทำทรีทเมนท์หน้าฟรี อีกคนชมเปาะรัว ๆ ว่ายังสาว ยังสวย ถ้าได้บำรุงมากกว่านี้คงเพอร์เฟค พลางยื่นข้อเสนอคอร์สประทินโฉมชุดใหญ่ สนนราคาเหยียบแสน ที่พอคุณทำหน้าตกใจก็ ลดให้พิเศษเหลือ 40,000 บาท ในขณะที่พนักงานอีกคนถามหาบัตรเครดิต เมื่อส่งให้ก็คว้าหมับ ก่อนกุลีกุจอหาเอกสารมาให้ สุดท้ายตัดสินใจจรดปากกาเซ็นชื่อซื้อคอร์ส ก่อนเดินออกจากร้านแบบงง ๆ .......... ฟังแล้วคุ้น ๆ กันรึเปล่าคะ?
นี่คือเหตุการณ์จริงที่คุณผู้หญิงหลายคนเคยประสบพบเจอเวลาไปเดินเที่ยว แล้วต้องเจอกับพฤติกรรมฮาร์ดเซลล์ของสถานเสริมความงาม สร้างความอึดอัดรำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ธุรกิจความงามถูกมองในแง่ลบ จนหลายคนกลัวการเข้าคลินิกไปเลย บางท่านเลือกที่จะเดินหลบเดินเบี่ยงออกจากหน้าคลินิกความงาม บางคนถึงขั้นขึ้นบันไดเลื่อนเปลี่ยนชั้นเดินเลยก็มี วันนี้เราจะมาตีแผ่ความจริงให้เห็น ว่าการยัดคอร์สมีวิธีการแบบไหนบ้าง และเราจะป้องกันไม่ให้เสียรู้คลินิกเหล่านี้ได้อย่างไร
การยัดคอร์สเสริมความงาม คืออะไร?
การยัดคอร์สเสริมความงาม ก็คือ การพยายามบังคับ หรือโน้มน้าวให้ลูกค้าซื้อคอร์ส โดยอาจใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น การพูดจาโน้มน้าว การแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาผิวของลูกค้า และเร่งการตัดสินใจด้วยวิธีต่าง ๆ จนลูกค้าไม่มีเวลาคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ และรู้สึกอึดอัดใจที่จะปฏิเสธจนต้องตัดรำคาญด้วยการตอบตกลง
รูปแบบกลลวงของการยัดคอร์ส
ต่อไปนี้จะเป็นวิธีสังเกตคลินิกที่มีพฤติกรรมยัดเยียดคอร์สการรักษา ที่โดยมากมักจะมีลักษณะที่คล้ายกัน ดังนี้
1. ดึงดูดด้วยโปรโมชั่นราคาถูก
การเริ่มบทสนทนาด้วยสินค้าหรือบริการราคาถูกมักถูกใช้เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อจูงใจ แต่เมื่อเข้าไป แล้วจะต้องพบกับเงื่อนไขและข้อแม้ต่าง ๆ ตามมาเป็นพรวน นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ รวมถึงเป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานขายใช้คำพูดหว่านล้อม หลอกล่อให้ซื้อคอร์สที่มีมูลค่าสูงตามมาโดยไม่จำเป็น
2. ไม่ได้พบหมอจนกว่าจะซื้อคอร์ส
ตามมาตรฐานของคลินิกเสริมความงามแล้ว หัตถการต่าง ๆ ควรจะมีแพทย์เป็นผู้ดูแลรักษาให้กับเรา แพทย์จึงเป็นผู้ที่จะวินิจฉัยและแนะนำสิ่งที่เหมาะสมกับเราได้ดีที่สุด ในทางกลับกัน ลองคิดดูว่า หากเราไปหาหมอที่โรงพยาบาลด้วยอาการเจ็บป่วย คงจะเป็นเรื่องแปลกพิลึกที่จะต้องเจอเซลล์มาแนะนำขายยา ขายคอร์ส ก่อนจะได้พบหมอ ผู้รับบริการ ควรได้รับโอกาสในการตัดสินใจด้วยตนเองหลังจากปรึกษาแพทย์แล้วเท่านั้น
3. เจอหมอขายหนักกว่าเซลล์
มาถึงตรงนี้เราเชื่อว่าน่าจะมีหลาย ๆ คน คิดว่า การคุยกับพนักงานนั้นสิ่งที่ได้ก็เพียงเรื่องของการขายเท่านั้น จึงพยายามที่จะหลีกเลี่ยงและมุ่งไปปรึกษากับคุณหมอเลยดีกว่าจะได้ไม่ถูกขาย หารู้ไม่ว่า... บางที่กลับหนักกว่าเดิม กลายเป็นว่าต้องไปเจอกับคุณหมอยอดนักขาย เร่งให้ตัดสินใจทันที และยิ่งเมื่อได้รับคำปรึกษาเยอะ ๆ นาน ๆ ก็ยิ่งไม่กล้าตอบปฏิเสธเพราะเกรงใจหมอ บางทีพอปฏิเสธไป หมอกลับแสดงอาการไม่พอใจซะอีก สร้างความรู้สึกที่แย่ขึ้นไปอีก
4. กดดันให้ตัดสินใจทันที
พูดง่าย ๆ ว่า “เร่งปิดการขาย” โดยอาจจะใช้วิธีบอกว่าเป็นราคาพิเศษเฉพาะวันนี้ หรือใช้วิธีต่าง ๆ ในการกดดัน และไม่ปล่อยให้เราเดินออกไปง่าย ๆ ซึ่งในบางครั้งกลับกลายเป็นการสร้างความกดดันให้แก่ลูกค้า แถมยังเป็นการสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีให้แก่ผู้รับบริการ ขอให้ท่องไว้นะคะ ว่าทุกคอร์สการรักษาใด ๆ ผู้รับบริการควรเป็นผู้ได้ทำการตัดสินใจด้วยตนเอง โดยพิจารณาจากความคุ้มค่า ความเหมาะสม โดยไม่มีสภาพแวดล้อมหรือใครมาคอยกดดันให้รีบทำการตัดสินใจ ไม่ควรยอมให้ตนเองถูกเอาเปรียบจากความขี้เกรงใจ
สิ่งที่ควรทำเมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกยัดเยียดคอร์ส
● อย่าปล่อยให้ความเกรงใจกลายเป็นเครื่องมือที่กลับมาทำร้ายคุณ ให้ปฏิเสธออกไปเลยตรงถ้าไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ หากยังถูกโน้มน้าวหรือบีบบังคับมากเกินไป ให้ลุกเดินออกไปเลยทันที ไม่ควรใจอ่อนเสียเวลาเจรจา
● ถามความชัดเจนในคอร์สการรักษา เงื่อนไขและข้อยกเว้นต่าง ๆ ให้ละเอียด หากยังไม่เข้าใจไม่ควรเกรงใจ ควรถามรายละเอียดเอาจากพนักงานจนเราเข้าใจและแน่ใจ
● ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกและแพทย์ผู้ให้การรักษา ว่ามีมาตรฐานน่าเชื่อถือหรือไม่ อาจใช้วิธีค้นหาข้อมูลรีวิวจากอินเตอร์เน็ตประกอบการตัดสินใจ
● หากพบการกระทำใด ๆ ที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค สามารถร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
● นอกจากการยัดคอร์สแล้ว คลินิกที่ไม่ซื่อสัตย์จะคิดหาทางเอาเปรียบผู้บริโภคในทุกช่องทาง ด้วยการลดต้นทุนต่าง ๆ เช่น การนำเสนอภาพปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ นำเอาเวชภัณฑ์ไม่มีคุณภาพ หมดอายุ หรือผสมน้ำเกลือเพื่อเจือจาง มาให้บริการแก่ลูกค้า
การเลือกรับบริการทางด้านความจากคลินิกที่ซื่อสัตย์ จริงใจ และได้มาตรฐาน จะสามารถช่วยให้เรามีสุขภาพผิวที่ดี คืนความอ่อนเยาว์ และมีความมั่นใจขึ้นได้จริง แต่ผู้รับบริการก็ควรทำการศึกษาข้อมูลก่อนเข้าคลินิกใด ๆ ให้มาก วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การสอบถามจากคนรู้จักที่เคยไปใช้บริการ ไม่พิจารณาจากราคาที่ถูกหรือแพงเพียงอย่างเดียว รวมถึงการหาข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคการรักษาที่เราสนใจจริง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกรับการรักษาได้อย่างเหมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุด ตรงกับปัญหาของเราจริง ๆ และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปค่ะ
ความสวยงาม ไม่ได้เป็นเพียงแค่ของซื้อของขาย จ่ายเงินเสร็จรับของไปแล้วก็จบกันนะคะ แต่เป็นเรื่องของสุขภาพและความปลอดภัยของผู้รับบริการ และมาตรฐานของผู้ให้บริการ ดังนั้นก่อนการเข้ารับบริการใด ๆ จึงเป็นหน้าที่ของเรา ที่จะต้องศึกษาข้อมูลให้ถ่องแท้ โดยพิจารณาหลาย ๆ ปัจจัยประกอบกัน ความเสียหายและผลกระทบจากการเข้าคลินิกเสริมความงามไม่ใช่ความซวยหรือเป็นเ รื่องที่ต้องเสี่ยงดวงเอา แต่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดได้ โดยเริ่มจากตัวเราค่ะ
สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาหรือมีความกังวลใจเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม สามารถติดต่อสอบถาม พร้อมรับฟังแนวทางการรักษากับ “GM CLINIC จีเอ็มคลินิกเวชกรรม” ได้โดยผ่านช่องทางติดต่อต่าง ๆ หรือที่ https://www.gmclinicthailand.com/ เราพร้อมให้บริการด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่หลากหลาย และทีมแพทย์ที่พร้อมดูแลคุณค่ะ