

หมอกระเป๋า สวยไว ไม่ยุ่งยาก ราคาถูก! แต่ต้องเสี่ยงอะไรบ้าง? มาดูกัน

การมีผิวพรรณที่เรียบเนียนสวยนั้น เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ปรารถนา ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายต่าง ก็เลือกที่จะหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ถ้าหากคุณเป็นหนึ่งในคนที่กำลังมองหาแพทย์เพื่อช่วยดูแลความงามของคุณอยู่ แล้วพบว่ามีบุคคลที่อ้างว่าสามารถฉีดฟิลเลอร์ให้คุณได้หน้าสวยตามที่ต้องการในงบประมาณที่ถูกกว่าคลินิกเสริมความงามชั้นนำ ช้าก่อนค่ะ! อย่าเพิ่งตัดสินใจนะคะ
วันนี้เราอยากมาแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับอันตรายของการเลือกหมอเสริมความงามราคาถูก หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อ หมอกระเป๋า เขาเหล่านี้เป็นใคร? ทำไมถึงไม่ควรใช้บริการจากหมอประเภทนี้? พร้อมแล้วเริ่มกันเลยดีกว่า
หมอกระเป๋าคือใคร?
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับความหมายของ “หมอกระเป๋า” กันสักหน่อย เชื่อว่าหลายคนอาจเข้าใจผิดว่า “หมอกระเป๋า” คือ “หมอจริง ๆ ที่รับจ๊อบนอกสถานที่” เหมือนในละครไทย ที่เราจะคุ้นเคยกับฉากที่มีคุณหมอประจำตระกูลหิ้วกระเป๋าหนังมานั่งข้าง ๆ คุณหญิงย่าที่นอนซมอยู่บนเตียง ณ ชั้นสองของคฤหาสน์หลังงาม... ใช่มั้ยคะ?
นั่นมันละครค่ะคุณ ชีวิตจริงโหดร้ายกว่านั้นเยอะ “หมอกระเป๋า” ที่เรากำลังพูดถึงอยู่ คือ “หมอปลอม” ค่ะคุณ เป็นใครก็ไม่รู้ที่จบอะไรมาก็ไม่รู้ที่ไม่เกี่ยวกับการแพทย์เลย เป็นเพียงผู้ที่มาแอบอ้างรับงานเท่านั้น ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม บางคนแอบอ้างว่าเรียนมาทางด้านการแพทย์การสาธารณสุขมา ก็ฉีดได้เหมือนกันนั่นแหละ ไม่ได้นะคะ! งานหัตถการหลาย ๆ อย่างก็ต้องหมอเท่านั้น ถ้าอยากทำหน้าที่หมอก็ต้องไปเรียนโรงเรียนแพทย์ และได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์จากแพทย์สภาเท่านั้นค่ะ
เอ๊ะ นี่หมอกระเป๋าใช่ไหม?
สิ่งแรกที่ง่ายที่สุดและควรพิจารณาเลยก็คือ สถานที่ที่นัดไปฉีดหรือไปทำหัตถการอะไรก็แล้วแต่ หมอประเภทนี้มักจะนัดคนไข้มาตรวจที่คอนโดตัวเอง นัดไปหาลูกค้าที่คอนโดของลูกค้า หรือในพื้นที่ที่ไม่ใช่คลินิก ไม่เอื้ออำนวยต่อการรักษา ถือเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์และเสี่ยงต่ออันตรายมาก ๆ เพราะในทุก ๆ การรักษาทางการแพทย์นั้น จะต้องดำเนินการในพื้นที่ที่ผ่านการตรวจรับรองตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ในเรื่อง ของความสะอาด มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลพร้อมหากเกิดกรณีฉุกเฉิน ห้องหัตถการจะต้องมีแสงสว่างมากพอเพื่อให้สามารถมองเห็นตำแหน่งที่ฉีดได้ชัดเจน ผู้ให้การรักษาและผู้รับการรักษาจะต้องอยู่ในท่าที่เหมาะสม ไม่ใช่อยากนั่งอยากนอนตรงไหนก็ได้นะคะ
ลองคิดดูดี ๆ นะคะ แม้กระทั่งแพทย์จริง ๆ จบแพทย์มาจริง ๆ มีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง ยังไม่สามารถหิ้วกระเป๋าไปฉีดหน้าใครที่ไหน ยังไงก็ได้เลยค่ะ ถึงแม้จะมีตึกมีบ้านเป็นของตัวเอง ก็ยังต้องขออนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขในการเปิดเป็นสถานที่ดำเนินการรักษาที่ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่ใช่ใครอยากเปิดคลินิกก็เปิดได้เลยนะคะ แล้วประสาอะไรกับ “หมอกระเป๋า” เหล่านี้? ดังนั้นหากหมอนัดไปฉีดตามสถานที่ที่ไม่ใช่คลินิกหรือโรงพยาบาลแล้วล่ะ ก็ มีแนวโน้มเป็นหมอกระเป๋าแน่นอน
อันตรายจาก “หมอกระเป๋า” ต้องเสี่ยงกับอะไรบ้าง?
สำหรับใครที่กำลังชั่งใจว่าจะเลือกบริการจากหมอกระเป๋า เพราะคำชวนเหล่านี้
“เราเคยฉีดมาแล้วกับหมอคนนี้ ลองไปดูสิ”
“ราคาถูกกว่าที่อื่นตั้งเยอะ ไปฉีดแพง ๆ ทำไม? เสียดายเงิน”
“พี่เค้าเป็นผู้ช่วยที่คลินิกมาหลายปี เก่งไม่แพ้หมอหรอก”
“งานง่าย ๆ แค่นี้เอง ไม่ต้องไปหาหมอให้เปลืองหรอก”
ทั้งหม ดนี้เป็นคำลวงให้คนที่รักสวยรักงามเดินเข้าไปหาความเสี่ยงโดยเต็มใจมาหลายรายแล้ว ก่อนที่รายต่อไปจะเป็นคุณ มาดูกันให้ชัดไปเลยว่า หากคุณตัดสินใจจะทำสวยกับหมอกระเป๋า หรือ หมอเถื่อน แบบนี้ล่ะก็ จะต้องเสี่ยงกับอะไรบ้าง
1.เสี่ยงของปลอม สิ่งล่อตาล่อใจให้หลายๆ คน พลาดไปฉีดกับหมอกระเป๋านั่นก็คือ “ราคาที่ถูกเหลือเชื่อ” และคำโฆษณาชวนเชื่อ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ผล เพราะสิ่งที่ฉีดเข้าไปมันคือ ของปลอม! เวชภัณฑ์ปลอมส่วนใหญ่ มีส่วนผสมของสารอันตรายที่ทำให้เกิดปัญหาจนต้องวิ่งมาหาหมอ ขอย้ำนะคะว่า... ของถูกไม่ใช่ว่าไม่ดีไปซะหมด แต่ของที่ถูกเกินไปและดีมันไม่มีอยู่จริง!!
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมหมอกระเป๋าเหล่านี้สามารถเรียกเก็บค่าบริการได้ถูกกว่าชาวบ้านเขา นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้ใช้ยาที่มีคุณภาพ อาจเป็นของปลอมที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. (องค์การอาหารและยา) หรือแม้กระทั่งการใช้ของเกรดต่ำกว่าที่กล่าวอ้าง เช่น บอกว่าจะฉีดยี่ห้อแพงให้ แต่ตอนทำจริง ๆ แอบสอดไส้เอายี่ห้อเกรดต่ำมาฉีดให้ จึงขอฝากเตือนทุกท่านไว้ว่า อยากสวยอยากดูดีได้ แต่ต้องสวยดูดีให้ปลอดภัยด้วย ทุกอย่างล้วนมีต้นทุนของมันนะคะ
2.เสียโฉม หากเป็นกรณีรับบริการฉีดฟิลเลอร์จากหมอเถื่อน สารที่ใช้ฉีดเข้าไปในผิวหนังนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอมสูง ฉีดส่วนไหนก็อาจเกิดการระคายเคื องหรือแพ้จนอักเสบได้ทั้งสิ้น ซึ่งอาการแพ้สารเติมเต็มนั้นมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การเกิดรอยแดง บวม มีผื่นแดง คัน ไปจนถึงการติดเชื้อเนื่องจากสารเติมเต็มชนิดนั้น ๆ เข้าไปอุดตันหลอดเลือด ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นตายและในบางกรณีถึงขั้นตาบอด เนื่องจากส่วนใหญ่หมอปลอมมักจะออกให้บริการนอกสถานที่ตามแต่จะตกลงกับคนไข้ ไม่มีสถานประกอบการเป็นหลักเป็นแหล่ง เมื่อเกิดผลข้างเคียงหรือเกิดการอักเสบขึ้นมา ก็ไม่สามารถติดต่อหรือตามตัวมาแก้ไขให้โดยง่าย จนอาการรุนแรงเกินกว่าจะแก้ไขจนเสียโฉมในที่สุด
3.การติดเชื้อ จากอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ทุกชิ้นนั้นจำเป็นจะต้องผ่านขั้นตอนการทำความสะอาด ผ่านการฆ่าเชื้อ และได้รับการจัดเก็บอย่างถูกวิธี ขนาดตัวหมอเองก็ยังปลอม ดังนั้น เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขามีความรู้และมีการจัดเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสมผ่านการฆ่าเชื้อมาหรือเปล่า? ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็คงไม่สนใจในเรื่องของสุขอนามัยอยู่แล้ว คุณลูกค้าผู้โชคร้ายจึงมักได้รับการติดเชื้อจากทั้งอุปกรณ์ที่ไม่มีคุณภาพและมาตรการทางสุขชีวอนามัยที่ไม่มีเลยของหมอกระเป๋าเหล่านี้
4.ไม่สามารถแก้ปัญหา เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิดหลังจากการทำหัตถการเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่แม้กระทั่งในกรณีที่แพทย์ผู้ให้การรักษาได้กระทำการรักษาภายใต้มาตรฐานวิชาชีพของตนด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุดแล้ว ก็ยังสามารถเกิดเรื่องเหล่านี้ได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ ตัวแพทย์ผู้ให้การรักษารวมถึงพนักงานในคลินิกจะมีความรู้ความสามารถพอที่จะแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้นเพื่อลดความเสียหาย ก่อนจะส่งตัวผู้ป่วยต่อไปยังศูนย์การแพทย์ตามขั้นตอนที่ได้ฝึกฝนมาหรือเปล่า คลินิกที่มีมาตรฐานทุกแห่งจะได้รับการฝึกฝนเพื่อรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้เป็นอย่างดีค่ะ ต่างกันกับหมอกระเป๋าที่มักออกงานเดี่ยว ๆ ทำตัวลึกลับ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา สิ่งแรกที่จะเจอเลยก็คือการตามหาตัวยาก เนื่องจากหมอปลอมเหล่านี้ไม่ได้อยู่ประจำ ณ สถานพยาบาลใด ๆ ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่เมื่อให้บริการเสร็จแล้วจะหายเข้ากลีบเมฆทันที แล้วความซวยก็ตกเป็นของคุณลูกค้า
เลือกหมอให้ช่วยดูแลความงามจากที่ไหนดี? หยุดคิดสักนิด อย่าเห็นแก่ของถูก!!
กำลังเป็นข่าวใหญ่โต ในกรณีที่มีหมอกระเป๋าแอบอ้างเป็นหมอจริง ๆ เพื่อทำศัลยกรรมให้แก่คนไข้ ขอบอกว่าน่ากลัวมากเลยค่ะ เพราะนอกจากผิดกฎหมายแล้ว คนไข้ที่ตกเป็นเหยื่อยังได้รับอันตรายอีกด้วย การเลือกทำศัลยกรรมและดูแลรูปร่างรวมถึงผิวพรรณ สิ่งสำคัญอันดับแรกเลยก็คือ ควรตรวจสอบและศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน แพทย์ผู้ให้บริการรวมถึงสถานพยาบาล-คลินิกต้องมีใบรับรองถูกต้องตามกฎหมาย ที่สำคัญเราควรตรวจเช็คประวัติและผลงานของแพทย์ที่ให้การรักษาสักหน่อย ว่าเป็นแพทย์จริง มีตัวตนจริงหรือไม่ มีคน ไข้หรือลูกค้าให้การรีวิวว่าอย่างไร
อีกหนึ่งช่องทางที่สามารถใช้ตรวจสอบความเป็นแพทย์ ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ของแพทย์สภา: www.tmc.or.th/check_md/ โดยให้ทำการกรอกชื่อและนามสกุลของแพทย์ที่เราต้องการทราบ (สะกดให้ถูกต้อง) ก็สามารถเห็นข้อมูลประวัติการศึกษาพร้อมเลขที่อนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ได้ทันที เพียงเท่านี้ก็ลดความเสี่ยงในการรับบรบิการเสริมความงามได้มากแล้วค่ะ
อย่างที่ทราบกันดี การศัลยกรรมหรือการฉีดสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายนั้น มีความเสี่ยง ในการรับบริการทุกครั้งจึงควรอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญ ซึ่งหากใครเลือกใช้บริการหมอกระเป๋า ที่ชักจูงด้วยคำโฆษณาเกินจริง มีราคาถูก ง่ายและไว ก็จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเอง ถึงจะเคยเห็นคนทำมาแล้วและได้ผลดี แต่เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าหากผ่านไปอีกสัก 2-3 ปี หรือแค่หลักเดือน ผลที่ว่าดีนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หรือเราไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่าความซวยจะไม่เกิดขึ้นกับเรา เพราะฉะนั้นสาว ๆ คนไหน ที่กำลังชั่งใจว่าจะเข้าสู่วงการสวยด้วยแพทย์ ก็ขอให้พิจารณาใหม่ให้หนัก ๆ อีกสักรอบ อย่างน้อยเมื่อคุณได้รู้ว่ากำลังพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับหมอเถื่อนเหล่านั้น ก็น่าจะทำให้คุณได้ฉุกคิดได้บ้างนะคะ